มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

1.มมส.
2.มช.
3.มข.

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

รองเท้าโดนใจสาวตามราศี

ได้เวลากันแล้วที่ สาวๆทั้งหลายจะเลือกรองเท้าคู่ใจคู่ใหม่ให้ไฉไลและโดนใจเหมาะกับบุคลิกแถม ยังถูกโฉลกกับราศีเกิดให้ระเบิดเถิดเทิงกันไปเลย มาดูขั้นตอนการเลือกกันดีกว่าจะได้จำไปใช้กันบ้าง

1. สาวราศีมังกร เป็นคนพูดน้อย แต่มีความรับผิดชอบเรื่องงานสูงมาก สาวราศีนี้จึงเหมาะกับรองเท้าคู่เก่งที่ให้ความคล่องตัว เช่นรองเท้าส้นแบนแต๊ด (หรือ flat shoes ที่กำลังอินอยู่ตอนนี้พอดี) ยิ่งถ้าเลือกหัวมนเหมือนรองเท้าบัลเล่ต์จะยิ่งทำให้ดูน่ารักและมีเสน่ห์ขึ้น อีกเยอะ ไม่ว่าจะใส่คู่กับกระโปรง หรือกางเกงยีนก็ดูดีไปซะหมด สีรองเท้าที่เหมาะ น้ำเงิน, ฟ้า, และน้ำตาล

2. สาวราศีกุมภ์ สำหรับสาวชอบเข้าสังคม เป็นคนสนุกสนานเฮฮา และอยากรู้อยากเห็นสิ่งใหม่ๆอย่างสาวราศีกุมภ์ ถ้าเลือกใส่รองเท้าที่มีลูกเล่นประดับประดาพราวพรายด้วยประกายวิบวับอย่าง คริสตัลสี ก็จะช่วยเสริมให้คุณโดดเด่นเป็นที่สนใจ ไปไหนก็เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของคนรอบข้างอย่างแน่นอน สีรองเท้าที่เหมาะ สีสดๆ เช่นแดงสด, ม่วงสด หรือสีเมทัลลิก เช่น เงิน, ทอง

3. สาวราศีมีน แม้ภายนอกจะดูขี้อายกว่าสาวราศีอื่นๆ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการแต่งตัวสาวราศีมีนทั้งหลายจะยอมน้อยหน้าได้อย่างไร หากคุณเป็นสาวราศีมีนที่กำลังมองหารองเท้าคู่ใหม่ให้ตัวเองอยู่ละก็ แนะนำให้เลือกรองเท้าที่มีสายรัดส้น หรือแบบไม่มีสายรัด ก็ได้ แต่ต้องทำจากผ้าซาตินสีหวานๆ เพราะช่วยแสดงความละเอียดอ่อน และโรแมนติกของคุณได้ดี ไม่ว่าจะใส่กลางวันหรือกลางคืนก็ทำให้คุณงามแจ่มบาดใจละไมตามากๆ สีรองเท้าที่เหมาะคือ สีพาสเทล เช่น ชมพูอ่อน, เขียวอ่อน สีน้ำตาลเอิร์ธโทน

4. สาวราศีเมษ เรื่องความมั่นใจ ไอเดียบรรเจิด และความซุปเปอร์เทรนดี้ของสาวราศีนี้ไม่มีกล้าใครปฏิเสธได้ สำหรับรองเท้าคู่โปรดปรานที่ช่วยให้สาวเมษลัคกี้อินเกมและอินเลิฟตลอดกาล ต้องเป็นรองเท้าส้นเล็กแหลมเปี๊ยบ ซึ่งเสริมความเป็นผู้ยิ้งผู้หญิงของคุณออกมาอย่างแรงแบบไม่มีใครเกิน สีรองเท้าที่เหมาะ แดงสด, ฟ้าสด, น้ำตาล

5. สาวราศีพฤษภ สาวราศีนี้เป็นนักปฏิบัติ ชอบหาอะไรใหม่ๆทำ เข้าข่ายไฮเปอร์ไม่ยอมหยุดอยู่นิ่ง รองเท้าคู่กายที่ขาดไม่ได้ของเธอจึงต้องเน้นประโยชน์ใช้สอย ทนทานและดูแลรักษาง่าย พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ นอกจากบู๊ตแล้ว รองเท้าคัชชูหัวมน ก็เหมาะมากกับสาวพฤษภ ช่วยเสริมให้ดูเป็นคนหนักแน่น มั่นคง ดูเอาจริงเอาจัง สีรองเท้าที่เหมาะ สีดำ, น้ำตาล, น้ำเงิน, แดงเลือดหมู

6. สาวราศีเมถุน เพราะเป็นสาวเฟลิร์ตตี้ มีความสมาร์ทปนเซ็กซี่อยู่ในตัว และเป็นนักอ่านแมกกาซีนตัวยง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจหากสาวราศีนี้จะอัพเดทเกาะติดเทรนด์แฟชั่นอยู่แถว หน้าเสมอๆ ส่วนในที่ทำงานเธอก็ได้ชื่อว่าเป็น ผู้นำแฟชั่นแห่งยุคด้วยสไตล์การแต่งตัวที่เก๋เริ่ดเกินหน้าใคร แม้สาวราศีนี้จะขาดไม่ได้เลยกับรองเท้าแบรนด์เนมซึ่งต้องมีเก็บไว้ในตู้ แต่หากเป็นรองเท้าทรงหัวแหลมเปี๊ยวดูเพรียวชะลูดก็จะส่งเสริมหน้าที่การงาน ให้มีอนาคตก้าวไกลได้ สีรองเท้าที่เหมาะ สีฟ้า, เขียว, เหลือง, ดำ

7. สาวราศีกรกฎ ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวอาร์ติสต์ชอบทำอะไรตามอารมณ์ รวมถึงเรื่องการแต่งตัว หากเธอได้รับการ์ดเชิญไปงานที่ระบุ dress code ขึ้นมาเมื่อไหร่ สาวกรกฎจะไม่สนใจ ขอใส่แบบที่คิดว่าสวยเด็ดสำหรับเธอเท่านั้น แต่วันไหนสาวราศีนี้อยากลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองบ้าง แนะนำให้เลือกรองเท้าส้น platform heels เพราะจะทำให้ดูเป็นสาวนุ่มนวลน่าทะนุถนอมทีเดียวละ สีรองเท้าที่เหมาะ สีน้ำตาล, ฟ้า, น้ำเงิน, เขียว

8. สาวราศีสิงห์ เป็น คนชอบแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดอินเทรนด์ตลอดกาล ชนิดที่เรียกว่าเป็นสาวกแบรนด์เนมอันดับต้นๆก็ว่าได้ ถ้ามีรางวัลแต่งตัวดียอดเยี่ยม ต้องขอยกตำแหน่งนี้ให้เธอไปครอบครอง เพราะไม่ว่าจะหยิบจับอะไรมาใส่ก็มักได้รับคำชมจากคนรอบข้างเสมอๆ รองเท้าที่จะช่วยสร้างเสน่ห์และเสริมส่งความน่ารัก(ให้มากยิ่งขึ้นกว่า เดิม)สำหรับสาวราศีนี้ ต้องเป็นส้นสูงปรี๊ด  รับรองว่าขาจะดูเรียวเพรียวเซ็กซี่ทุกย่างก้าวที่เดิน แต่ยังไงก็อย่าเพลินกระหน่ำความสูงมากไปละกัน เดี๋ยวปวดหลังแล้วจะหาว่าไม่เตือน สีรองเท้าที่เหมาะ สีแดง, ส้ม, ทอง, เงิน

9. สาวราศีกันย์ เซนส์ในการแต่งตัวเป็นคุณสมบัติโดดเด่นของสาวราศีกันย์ ซึ่งมีความสามารถเฉพาะตัวในการ mix and match เสื้อผ้า รองเท้า และกระเป๋าให้เข้ากันอย่างไม่มีที่ติ หากสาวกันย์เลือกใส่รองเท้าสไตล์คลาสสิกยอดฮิต อย่างเช่นส้นสูงไม่มีสายรัด หรือ เปิดด้านหน้า ก็จะช่วยให้การงานปลอดโปร่งจากปัญหาหรืออุปสรรคมาขัดขวาง ทำอะไรก็ราบรื่น ผ่านฉลุยลูกเดียว สีรองเท้าที่เหมาะ สีเขียวหยก, ม่วง, น้ำตาล, ดำ

10. สาวราศีตุลย์
แม้ จะให้ความสำคัญกับความเนี้ยบเป็นอันดับหนึ่ง แต่สไตล์การแต่งตัวของสาวราศีตุลก็ยังคงนิยมความเรียบง่ายเข้าไว้ก่อน เพราะยึดคติว่า  ยิ่งน้อยชิ้นเท่าไหร่ยิ่งดี และด้วยบุคลิกเรียบโก้ แน่นอนว่ารองเท้าที่สาวราศีตุลย์มีไว้เป็นเพื่อนคู่ใจจึงไม่ค่อยมีดีเทลจุก จิกนัก กระนั้นถ้าหากเลือกรองเท้าส้นเตารีด  มาใส่สักคู่ เพราะจะช่วยนำพาความมั่นคงก้าวหน้ามาสู่ชีวิต มีคนคอยอุปถัมภ์ค้ำจุน พูดจาอะไรก็น่าเชื่อถือ สีรองเท้าที่เหมาะ สีขาว, เอิร์ธโทน, ฟ้า, น้ำเงิน

11. สาวราศีพิจิก ลักษณะ เด่นของสาวราศีนี้ คือเป็นคนขรึม ชอบใช้ชีวิตอิสระและมีโลกส่วนตัวสูง แม้บางครั้งเจ้าอารมณ์ เอาใจยาก แต่ก็มีข้อดีคือโกรธง่ายหายเร็ว ถ้าใส่รองเท้าแบบเปลือยๆ จะช่วยเสริมท่วงท่าลีลาการเดิน เปิดทางให้เป็นคนกว้างขวาง มีคนเมตตา คิดจะลงทุนอะไรก็ไม่ติดขัด สีรองเท้าที่เหมาะ สีแดงเข้ม, น้ำเงิน, ดำ

12. สาวราศีธนู เป็นคนช่างแต่งตัว ขี้เล่น และชอบสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ให้ชีวิต ดังนั้นจึงไม่มีรองเท้าแบบไหนจะเหมาะกับสาวราศีนี้เท่ากับรองเท้าหนังสีสัน ชวนเตะตา ที่มาพร้อมกับลูกเล่นวัสดุตกแต่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโบว์ ดอกไม้ เฟอร์ หรือผ้าพิมพ์ลายกราฟฟิก ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณมีลีลาสวยสง่าทุกโอกาสแล้ว ยังเสริมส่งโชคดีทางด้านการเงินอีกด้วย

ทำนายนิสัยจากเวลาเกิด


เวลา 05.00-06.59 น.

เป็นคนที่มีมารยาท ทำอะไรระมัดระวัง ค่อนข้างละเอียดถี่ถ้วน ทำงานอะไรแล้วไม่ยอมให้ตกหล่นง่ายๆ เป็นคนใจกว้าง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น อารมณ์เสียง่าย แต่ไม่นานก็กลับมายิ้มอย่างเดิมแล้ว ค่อนข้างเก็บตัว ไม่ชอบวุ่นวายกับใคร แต่ไม่ใช่คนแอนตี้สังคม เพีงแต่ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายเท่านั้นเอง

เวลา 07.00-08.59 น.

เป็นคนที่มีบุคคลิกของความเป็นผู้นำ ทำให้ผู้อื่นเชื่อถือได้ง่าย เป็นคนไม่กลัวใคร ชอบทำอะไร เสี่ยงๆ ชอบความท้าทาย เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีความ สามารถในการทำงานต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี

เวลา 09.00-10.59 น.

เป็นคนที่ค่อนข้างเนี้ยบ ชอบความสะอาดสะอ้าน รสนิยมดี เป็นคนที่สุภาพอ่อนโยน มีมารยาท เข้ากับคนได้ง่าย จัดว่าเป็นคนมีเสน่ห์ทีเดียว เป็นคนที่ค่อนข้างทะเยอทะยาน มีเป้าหมายในชีวิต
เวลา 11.00-12.59 น.
เป็นคนร่าเริง มีอารมณ์ขัน อยู่ที่ไหนก็ได้เฮที่นั่น เป็นคนรักอิสระ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับไม่ชอบอยู่กับที่ ชอบเดินทาง ชอบการผจญภัย การได้พบเห็นอะไรใหม่ๆ ทำให้มีความสุข เป็นคนมีชีวิตชีวา กระตือรือร้น ไม่จู้จี้ จุกจิก

เวลา 13.00-14.59 น.

เป็นคนที่รักสงบ ไม่ชอบอะไรที่สับสนวุ่นวาย ทำอะไรค่อนข้างระมัดระวังจนบางทีทำให้ชีวิตหมดสนุก เป็นคนที่ซื่อสัตย์ จิตใจดี เป็นคนที่อ่อนน้อม สุภาพ ไม่ชอบทะเลาะกับใคร มีความประนีประนอมสูง ถ้ารักใครขึ้นมาละก็รักจริง ทุ่มเททุกอย่างเพื่อความรัก
เวลา 15.00-16.59 น.
เป็นคนที่ทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เสมอ ไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร มักจะทำก่อนที่จะคิด จึงต้องมีเรื่องปวดหัวอยู่เรื่อย เป็นคนที่ฉลาดไหวพริบดี เอาตัวรอดเก่ง กล้าพูด กล้าทำ มีจิตใจที่กล้าแกร่ง เป็นคนที่ดูแล้วค่อนข้างคล่องไปสักนิด แต่เป็นคนที่จิตใจดีทีเดียว ไม่กะล่อนอย่างที่เห็นภาพนอก

เวลา 17.00-18.59 น.

เป็นคนที่ไว้ตัว มีความคิดที่ค่อนข้างก้าวร้าว เชื่อมั่นในตัวเองสูง ชอบทำอะไรตามระเบียบ ค่อนข้าง จู้จี้ ขี้บ่น ทำอะไรละเอียดถี่ถ้วน ไม่ชอบทำอะไรออกนอกลู่ นอกทาง ทำงานอย่างจริงจัง มีมาตรฐานในการทำงานที่สูงมาก ไม่ชอบทำอะไรชุ่ยๆ

เวลา 19.00- 20.59 น.

เป็นคนขยันขันแข็ง สู้งานหนักไม่ท้อถอย ทำอะไรตรงไปตรงมา กล้าพูด กล้าทำ เป็นคน กระตือรือร้นในทุกๆ เรื่อง ไม่ชอบฝันกลางวัน ชอบทำความฝันให้เป็นจริงมากกว่า ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ใจกว้าง เป็นคนที่น่าคบ มีความจริงใจให้กับทุกคน

เวลา 21.00-22.59 น.

เป็นคนไม่ช่างพูด แต่โรแมนติก ชอบทำอะไรให้ประหลาดใจ ใจดี พูดจาสุภาพ มีเสน่ห์ ไม่ชอบทำอะไรเร่งร้อน จัดว่าเป็นคนเฉื่อย มีความนุ่มนวลอ่อนโยน
เวลา 23.00-00.59 น.
เป็นคนมีชีวิตชีวา ไม่อยู่นิ่ง ชอบท่องเที่ยวในที่แปลกใหม่ ชอบทำอะไรเสี่ยงๆ ไม่ชอบอยู่ในกรอบ เป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนรักอิสระมาก ไม่ยอมผูกพันกับใครง่ายๆ

เวลา 01.00-02.59 น.

เป็นคนใจเย็น แต่ถ้าโกรธจะรุนแรง ทำอะไรเชื่องช้า ทำไปเรื่อยๆ แต่เป็นคนที่ร่าเริงเข้ากับคนง่าย

เวลา 03.00-04.59 น.

เป็นคนชอบทำอะไรท้าทาย เชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่ยอมแพ้ใคร เป็นคนใจกว้าง มองโลกในแง่ดี กล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ค่อนข้างดื้อ แต่รักใครรักจริง แต่เป็นคนตกหลุมรัก

การเลือกสีเสื้อผ้า ตามวันเกิด


นอกจากรูปแบบความทันสมัยของเสื้อผ้า และเส้นใยที่นุ่มสวมใส่สบายแล้ว สีสันของเสื้อผ้าก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะศาสตร์ ในการเลือกใส่เสื้อผ้าสีสันต่างๆ ตามวันเกิดที่มีมาแต่โบราณกว่า 700 ปี ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยการ ใช้ตำรามหาทักศา ซึ่ง อ. คฑา ชินบัญชร ได้รวบรวมแล้วนำมาบอกต่ออีกที นอกจากความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังช่วยให้เรามีความมั่นใจในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขได้อีกด้วย
สำหรับผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
อาจจะใช้สีแดง สีส้ม หรือสีอื่นๆ มาประกอบ เพื่อให้เกิดความมีสิริมงคล สำหรับชีวิต ไม่ใช่เฉพาะสีประจำวันอย่างเดียว ควรจะเลือกสวมใส่เสื้อผ้า ด้วยโทนสีแดง ทั้งแดงสด แดงเข้ม แดงม่าเมี่ยว รวมทั้งชมพู ส้ม หรือแสด จะช่วยให้คนเกิดวันนี้รู้สึกสดชื่น

ส่วนสีทอง ครีม และเขียว จะให้ความเป็นมงคลในเรื่องของโชคลาภ
สำหรับผู้ที่เกิดวันจันทร์
ผู้ที่เกิดวันนี้ มีนิสัยอ่อนโยน อ่อนหวาน นุ่มนวล แต่ขี้ใจน้อยไปสักนิด พยายามอย่าคิดมากนัก เพราะอาจทำให้มีเรื่องหงุดหงิดไม่สบายใจ แต่ก็เป็นคนดีมีน้ำใจ และมีเสน่ห์ในตัวเองเป็นพิเศษ

สีเสื้อผ้าที่ควรใส่คือ เหลือง ทอง ไข่ไก่ ครีม ฟ้า น้ำเงิน เพราะจะมีผู้ใหญ่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุน

สีเขียว หมายถึงการเลื่อนตำแหน่ง ความขยันขันแข็ง หรือความกระตือรือร้นในการทำงาน

ส่วนสีม่วง จะหมายถึง โชคลาภ

สรุปแล้วสีที่เหมาะสำหรับคนเกิดวันจันทร์มากที่สุดก็คือ เหลือง เหลืองทอง ไข่ไก่ หรือสีที่ออกแนวเอิร์ธโทนนั่นเองค่ะ
สำหรับผู้ที่เกิดวันอังคาร
เป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง โดดเดี่ยว ตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง เป็นคนตรงไปตรงมา มีความยุติธรรมเป็นที่สุด ที่สำคัญคือเป็นคนรักเดียวใจเดียว และรักครอบครัวเป็นที่สุด

ผู้ที่เกิดวันนี้ควรเลือกใส่เสื้อผ้าสีชมพู แดง ส้ม เขียว เป็นพิเศษ เพราะเป็นสีมงคล และจะทำให้คนเกิดวันอังคารดูอ่อนหวานนุ่มนวล และดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้สีชมพู และแดง ยังหมายถึงโชคลาภอีกด้วย
สำหรับผู้ที่เกิดวันพุธ
เป็นคนที่มีเสน่ห์ และมีไหวพริบปฏิภาณ คำพูดคำจาของผู้ที่เกิดวันพุธนั้นถือว่ามีเสน่ห์ร้ายเหลือทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ใครได้ฟังรับรองว่าต้องเคลิบเคลิ้มตามไปด้วยแน่

สีเขียวนอกจากจะเป็นสีประจำวันแล้ว ก็ยังเป็นสีแห่งโชคลาภของคนวันพุธอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น เขียวอ่อน เขียวแก่ เขียวใบไม้ รวมทั้งสีธรรมชาติ ของสายลมและแสงแดด ก็ถือเป็นสีแห่งสิริมงคล ที่จะช่วยเสริมสร้างพลังชีวิตให้กับผู้ที่เกิดวันพุธได้เป็นอย่างดี
สำหรับผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี
คนที่เกิดวันพฤหัสบดี เขาบอกว่าเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูง ซื่อสัตย์ รักเดียวใจเดียว ที่สำคัญคือมีความเป็นผู้นำ เป็นผู้ที่คิดไปถึงอนาคต วางแผนไกล และมีเสน่ห์น่าค้นหา

สีส้ม สีทอง สีประกายต่างๆ อย่างบรอนซ์ทอง บรอนซ์เงิน รวมถึงสีที่เกี่ยวกับเอิร์ธโทน ก็ถือว่าใช้ได้ อีกทั้งสีน้ำตาลอ่อน และน้ำตาลแก่ ก็เป็นมงคลกับผู้ที่เกิดวันนี้ เสื้อผ้าที่เลือกใส่ควรเป็นสีส้ม แสด ทอง เพราะเป็นที่จะนำเรื่องดีๆ มาสู่ตัวคุณ
สำหรับผู้ที่เกิดวันศุกร์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นคนที่มีความสุข สดชื่น รื่นรมย์ สดใสตลอดเวลา มองโลกในแง่ดี และมีอารมณ์ขัน เป็นเสน่ห์อย่างดีให้ ทั้งกับเพศตรงข้าม และเพศเดียวกัน ใครๆ ก็อยากทำความรู้จักกับคนเกิดวันศุกร์ทั้งนั้นแหละ ถึงจะมองโลกในแง่ดี และคิดการณ์ไกล แต่ก็ต้องระวังกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงง่ายไว้บ้าง

สีที่ให้ความเป็นมงคลของคนเกิดวันนี้คือ สีฟ้าทุกแบบ สีน้ำเงินเข้มสามารถเลือกสวมใส่เสื้อผ้าได้ทุกสี แต่สีที่นำโชคลาภได้ดีคือ สีชมพู ฟ้า น้ำเงิน แดง เหลืองอ่อน ขาว ครีม และสีทอง
สำหรับผู้ที่เกิดวันเสาร์
เป็นคนที่มีความมุ่งมั่น และเชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่ค่อยยอมใคร มีความขี้ใจน้อย ต้องลดทิฐิลงบ้าง เนื่องจากเป็นคนตรงไปตรงมา เสน่ห์ของคนที่เกิดวันเสาร์ คือ เป็นผู้ที่มีความลึกลับ น่าค้นหา และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง

ถ้าอยากให้ผู้ที่เกิดวันนี้มีเสน่ห์ ก็ต้องเลือกใส่เสื้อผ้าสีม่วง ทั้งม่วงอ่อน ม่วงเม็ดมะปราง สีฟ้า สีน้ำเงินเข้ม หรือชมพู จะช่วยส่งเสริมให้คนวันเสาร์ดูมีเสน่ห์ น่ารัก อ่อนหวานและนุ่มนวลขึ้น อีกทั้งทำให้ผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนอีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

ทำไมไม่สบายต้องให้น้ำเกลือ

ทำไมไม่สบายต้องให้น้ำเกลือ




หลายคนเข้าใจผิดเอาจริงๆ จังๆ ในเรื่องน้ำเกลือ คือไปนึกทึกทักว่าน้ำเกลือเป็นยาวิเศษ ถ้าต้องเข้าโรงพยาบาล หรือ แม้แต่ไปพบหมอ ต้องขอร้องให้ ให้น้ำเกลือ โดยให้เหตุผลร้อยแปดพันเก้า เช่น จะได้อ้วนท้วนแข็งแรงสุขภาพดี กินได้ นอนหลับ เป็นต้น ส่วนบางคนเข้าใจผิดไปอีกด้านหนึ่งเลย คือเชื่อว่าการให้น้ำเกลือเป็นสัญญาณว่าคนไข้อาการหนักแล้ว อย่างนี้ต้องอธิบายให้ฟังทั้งคู่เสียแล้วละ เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ
ตาม ปกติแล้วร่างกายของคนเราจะเสียน้ำออกไปจากร่างกาย โดยการขับถ่ายเป็นน้ำปัสสาวะ หรือเป็นเหงื่อ หรือเป็นไอน้ำออกมาทางลมหายใจ รวมแล้วจะมีน้ำที่ขับออกมาจากร่างกายวันหนึ่งราว ๒ ลิตรครึ่ง เราจึงต้องการน้ำเข้าไปแทนที่โดยการดื่มน้ำ หรือรับประทานอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ

แต่เมื่อผู้ป่วยเสียน้ำมากกว่าปกติ เช่น ท้องเดิน อาเจียน เหงื่อออกมาก ไข้สูง เสียเลือดจากอุบัติเหตุ เป็นต้น แพยท์จึงต้องให้น้ำเข้าไปทดแทน โดยให้น้ำเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง แต่เนื่องจากน้ำกับเลือดมีความเข้มข้นต่างกัน จึงเติมเกลือลงไปในน้ำ เพื่อให้มีความเข้มข้นเท่ากับเลือด นอกจากนั้นน้ำเกลือยังช่วยเปิดเส้นเลือดไว้ เพื่อให้เลือดหมุนเวียน จนยาที่ผสมอยู่สามารถไหลเข้าไปหล่อเลี้ยงเส้นเลือดดำได้อย่างราบรื่น
น้ำเกลือจึงไม่ใช่ทั้งยาวิเศษ และสัญญาณอันตรายอะไรเลย เป็นขั้นตอนที่มีเหตุผลของการฟื้นฟูร่างกายของเราเท่านั้นเองครับ

ดูแลความงามขณะหลับ

ทราบหรือไม่ ขณะหลับก็สามารถดูแลความงามได้ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์เอาใจคนอยากสวยมาฝากกัน...
1. นวดกดจุดบริเวณใบหน้าก่อนนอน จะช่วยให้รู้สึกสบายยามหลับและสดชื่นยามตื่นนอนตอนเช้า ใช้ปลายนิ้วนางนวดวนเป็นวงกลมเล็ก ๆ ระหว่างคิ้ว ขมับ ร่องจมูก คาง และมุมปาก ล้างออกด้วยน้ำอุ่นแล้วซับหน้าให้แห้ง    
2. การทาไนท์ครีมก่อนนอนนั้นมีประโยชน์ต่อผิวหน้ามาก เพราะนอกจากสารบำรุงในเนื้อครีมจะช่วยปรนนิบัติผิวที่อ่อนล้าแล้วด้วย คุณสมบัติที่เข้มข้นกว่าเดย์ครีม จะช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ในขณะที่ผิวมีความชื้นเล็กน้อย จะช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นบนผิวได้ดีกว่า ซึ่งจะรู้สึกได้ว่าผิวเนียนนุ่มขึ้นในตอนเช้า    
   
3. ไม่จำเป็นว่าเนื้อครีมที่หนาและเข้มข้นจะต้องเป็นครีมที่มีคุณค่าการบำรุง เสมอไป การเลือกไนท์ครีมควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและลูบไล้เพียงบางเบา เพื่อที่หน้าจะได้ไม่มันเยิ้มในตอนเช้า         

4. ไม่ควรทาแป้งแต่งหน้าก่อนนอน และหากไนท์ครีมทำให้รู้สึกเหนอะหนะ ให้ใช้กระดาษซับมันค่อย ๆ ซับออก        
5. เคล็ดลับผิวอ่อนกว่าวัยของสาวชาวจีน คือ การนอนหงายให้เป็นนิสัย แต่ถ้าหากติดท่านอนตะแคงให้เปลี่ยนปลอกหมอนฝ้ายธรรมดาเป็นปลอกหมอนผ้าไหม หรือซาติน ความลื่นของเนื้อผ้าจะไม่ทำให้เกิดรอยกดทับบนใบหน้า เมื่อพลิกตัวไปมา      
 
6. รักษาความสะอาดของที่นอน หมอน และข้าวของเครื่องใช้บนเตียงให้สะอาดอยู่เสมอ หมอนที่เต็มไปด้วยฝุ่นนอกจากจะทำให้หายใจไม่สะดวกแล้ว ยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค แบคทีเรีย ที่จะทำให้ใบหน้าอ่อนแอ แพ้ง่าย เป็นสิวรักษาไม่หายขาดอีกด้วย

7. ใช้มาสก์แช่เย็น หรือสำลีแผ่นชุบน้ำชาปิดที่เปลือกตาไว้สัก 15 นาที ก่อนนอน ลดอาการบวมใต้ตาและเพื่อดวงตาแจ่มใสในยามเช้า
8. ไม่ควรดื่มน้ำก่อนนอนมากเกินไป เวลานอนให้หนุนหมอนให้สูงขึ้น เพื่อป้องกันของเหลวคั่งค้างบนใบหน้า ใบหน้าจะได้ไม่บวมในตอนเช้า
9. การทำสมาธิก่อนนอนสัก 10 นาที อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง หายใจเข้า – ออกลึก ๆ และเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอ จะช่วยให้จิตใจสงบผ่อนคลาย นอนหลับสบายขึ้น เมื่อจิตใจปลอดโปร่งไร้กังวล ก็ย่อมส่งผลให้การทำงานของร่างกายและผิวพรรณดีตามไปด้วย
10. ปลุกร่างกายให้กระฉับกระเฉง ด้วยการออกไปยืดเส้นยืดสาย สูดอากาศบริสุทธิ์รับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า พร้อมเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดชื่น
เพียงเท่านี้ ก็ทำให้หลับอย่างสบาย และตื่นขึ้นมาอย่างมั่นใจแล้วล่ะ.

ใส่แหวนนิ้วไหน บอกนิสัยได้

นิ้วก้อย มักจะตกอยู่ในโลกของความฝันมากกว่าโลกของความเป็นจริงมีนิสัยน่ารัก แต่เก็บกด มักไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาให้คนอื่นได้รู้ได้เห็น ในเรื่องของความรัก มักจะคล้อยตามอารมณ์ ความรู้สึกร่วมไปด้วยเสมอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น อาจจะร้องไห้เมื่อเพื่อนสนิทอกหัก หรืออาจจะกรี๊ดกร๊าดเมื่อเพื่อนมีความสุขเมื่อพบกับหนุ่มหล่อเท่ห์ เป็นคนที่จิตใจเยือกเย็น พอใจในคนรักของตัวเองไม่จุกจิกจนน่ารำคาญใจ ผู้ใดใกล้ชิดหรืออยู่ด้วยก็สบายใจ เวลาที่ชายหนุ่มได้คุยกับคุณสักพักเขาจะรู้สึกสบายใจและสนุกสาน คุณมีคุณสมบัติของลูกผู้หญิงเต็มตัวลักษณะเด่น คือ สามารถทำให้ผู้ชายรู้สึกตัวว่าอยู่ด้วยแล้วมีความสุข เป็นคนที่จริงใจกับความรักเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยลืมวันสำคัญ ๆ เลย ลึก ๆ แล้วเป็นคนที่โรแมนติก

 นิ้วนาง
เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง หนุ่มใดที่มาใกล้ชิดเอาอกเอาใจ แต่ไม่ได้แสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา คุณจะเกลียดมาก จนไม่อยากจะเจอะเจออีกเลย แต่ในขณะเดียวกัน คุณก็ชอบเห็นชายหนุ่มมากหน้าหลายตามาตามจีบ หรือ ให้ความสนใจ คุณเป็นคนที่กล้าหาญชาญชัย แต่จะมีอยู่คนหนึ่งที่รู้นิสัยจริง ๆ คนที่ใกล้ชิดเท่านั้น ที่จะรู้ว่าภายใต้ความรู้สึกที่เข้มแข็งนั้น คือความบอบบาง คุณเป็นคนที่ชอบคุยและก็คุยได้สนุกเสียด้วยสิ การได้โต้เถียงหรือทำตัวเหมือนดื้อรั้น คือ ความสุขจริง ๆ คุณอาจจะรู้สึกเหงาหรือไม่มีเพื่อน ถึงแม้จะผิดหวังอกหัก แต่ก็สามารถบอกกับใคร ๆ ได้ว่า ธรรมดา ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันไม่ได้ใส่ใจด้วย ทั้งที่ลึก ๆ แล้วปวดร้าวน่าดู แต่แค่ระยะเวลาไม่นานก็จะกลับมาเฮฮาปาร์ตี้ได้เหมือนเดิม
 นิ้วกลาง
เป็นคนที่มีจิตใจรื่นเริงแจ่มใส มีจิตนาการสูงในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ มีบทบาทมากมายในชีวิตบางทีก็ดูเงียบขรึม บางทีก็ดูร่าเริง และในบางครั้ง ก็จะทำตัวเป็นที่น่าสงสารของผู้ได้พบเห็น เป็นคนที่อ่อนโยนและเป็นผู้หญิงที่ขี้อายถ่อมตน มักจะประหม่าหรือเคอะเขินเมื่อยู่ใกล้ชายหนุ่ม นิสัยไม่มั่นใจในตัวเอง จึงกลัวไปทุกเรื่อง กลัวว่าจะสวยไม่พอ กลัวว่าหุ่นจะไม่ดี กลัวว่าจะไม่ฉลาดพอ หนุ่มใดมาจีบต้องสร้างความมั่นใจให้กับคุณโดยการพูดซ้ำบ่อย ๆ ให้รู้สึกว่าสิ่งที่มีอยู่ดีเลิศ
 นิ้วชี้
มักจะชอบทำอะไรแปลก ๆ ที่คนทั่วไปเขาไม่ทำกัน มีเสน่ห์บางอย่างในตัวที่ดึงดูดใจผู้ที่มาใกล้ชิดมีแบบฉบับการแต่งตัวเป็น ของตัวเองมีความเชื่อมั่นว่าตัวจะดูดีในชุดที่เลือกใส่เอง ไม่จำเป็นที่จะต้องไปวิ่งตามแฟชั่นให้มันเมื่อยตุ้ม รักความหรูหราแบบแปลก ๆ ไม่เหมือนใคร ยิ่งเป็นเครื่องประดับที่แปลก ๆ หายากหรือไม่เหมือนชาวบ้านด้วยแล้วเป็นอะไรที่โปรดปรานมากเลย ความเฉลียวฉลาด ความสง่างามนั้นนับว่าเป็นสาวไฮโซทรงเสน่ห์ที่มีแรงดึงดูดเพศตรงข้ามได้มาก มาย มีรสนิยมสูง หนุ่มคนใดหวังจะชวนไปทานข้าว จำไว้เลยว่าร้านข้าวแกงข้างถนนชวนได้ครั้งเดียวเท่านั้น ต่อไปคุณไม่ไปไหนมาไหนกับหนุ่มคนนี้อีก อย่าลืมว่าคุณชอบของแปลก ๆ ในความแปลกของคุณ คือ จุดอ่อน
นิ้วโป้ง
เป็นคนแปลกไม่แคร์สังคม ไม่แคร์สายตาผู้อื่นเป็นตัวของตัวเอง และเป็นแบบฉบับชองตัวเองมากที่สุด มีความเชื่อมั่นมากและมีความภูมิใจในตัวเองอยู่เงียบ กฏของสังคมไม่สามารถมาล้อมกรอบได้ ทั้งนี้เป็นเพราะมีความอิสระซ่อนเร้นอยู่มากมาย ความหลักแหลมซื่อสัตย์ตะลุยฟันผ่าไปค้นหาในสิ่งที่อยากได้ จะไม่สนใจอะไรแบบมองผ่าน ๆ ไปที่ความสนใจที่มีต่อสิ่งที่สนใจอยู่จึงมีมาก อารมณ์รุนแรงความโกรธรุนแรงกระทั่งสิ่งของเครื่องใช้ที่อยู่ใกล้มือใกล้เท้า ก็พังหมด

10 เคล็ดลับ...หลับสบาย

นอนเถอะค่ะ... แล้วพรุ่งนี้ทุกอย่างจะดีเอง คำพูดนี้อาจฟังดูไม่สมเหตุสมผล แต่เชื่อเถอะว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะการหลับสนิทในช่วงที่ร่างกายต้องการพักผ่อนคือการชาร์จพลังที่ดีที่สุด ที่มอบคุณประโยชน์มหาศาลทั้งร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา
น่าตกใจกับผลการวิจัยในสหรัฐอเมริกาชิ้นหนึ่งที่พบว่าเมืองนิวยอร์กทั้ง เมืองล้วนเต็มไปด้วยสาวก Sleepless Society คนนอนไม่หลับมาก มาย ในจำนวนนี้ยังได้หมายรวมไปถึงกลุ่มคนที่พยายามจะนอนให้หลับ และกลุ่มคนที่เทคยานอนหลับด้วย จากการแยกแยะวิเคราะห์พฤติกรรมและผลกระทบยืนยันว่า คนส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวที่มีอายุระหว่าง 25-35 ปี ซึ่งมีความเคร่งเครียดหลักจากสภาวะกดดันเรื่องความก้าวหน้าในการงาน และค่าครองชีพ การนอนไม่หลับอันเนื่องจากไม่รู้จัก Shut Down ความคิดที่วนเวียนในสมองนี้ ยังส่งผลให้เกิดอาการซึมเศร้า หดหู่ ที่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน และความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย และเมื่อเป็นอย่างนี้นานเข้า มันก็จะเริ่มก่อตัวเป็นวัฏจักรที่ไม่สิ้นสุด นั่นคือ เครียด-นอนไม่หลับ-หดหู่ซึมเศร้า-ขาดพลังงานและความคิดสร้างสรรค์-ผลงานไม่ น่าประทับใจ-วิตกจริต และกลับมาสู่วงจรแห่งความเครียดซ้ำซ้อน นักวิชาการทั่วโลกต่างออกมายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า... นี่คือ มหันตภัยทางจิต ของเวิร์กกิ้งแมนและวูแมนทั่วโลกแห่งปี 2008 ที่น่ากลัว 
9 Checks, Are You A Sleepless Society?
ลองมาเช็กดูกันดี กว่าว่าวันนี้คุณมีอาการเข้าใกล้วงจรนอนไม่หลับแค่ไหน...คุณมีอาการแบบนี้ หรือเปล่า

• หลับตานานแล้ว แต่สมองยังไม่หยุดคิด
• มักรู้สึกตัวระหว่างนอนหลับเป็นระยะๆ
• ระหว่างหลับรู้สึกว่าสมองยังคิดและกังวล
• ไม่อยากตื่นทั้งที่รู้สึกว่านอนมานานแล้ว
• ความคิดตื้อตันไม่ทันใจ
• ง่วงนอนระหว่างวัน
• รู้สึกซึมเศร้าอย่างไม่มีสาเหตุ
• ปวดหัว และอ่อนเพลียง่าย
• ตื่นด้วยความงัวเงียไม่แจ่มใส แม้จะอาบน้ำและแปรงฟัน

10 Ways to Sleep Well
ใช้ชีวิตเปลี่ยนแนว เพื่อการนอนหลับที่เป็นสุขและหมดทุกข์เรื่องเครียดกังวล กับ 10 คำแนะนำเหล่านี้

1. เข้านอนก่อน 4 ทุ่ม และตื่น 6 โมงเช้า เพราะนี่คือช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการพักผ่อนร่างกาย
2. สะสาง วางแผนสิ่งที่กังวลที่จะทำในวันต่อไปให้เรียบร้อยเพื่อลดอาการวิตกจริต และคิดซ้ำซาก
3. บอกกับตัวเองว่าการเครียดกังวล และใช้สมองในช่วงที่ต้องนอนหลับนั้นเปล่าประโยชน์ เนื่องจากสติ สัมปชัญญะ และความอ่อนล้าของร่างกายคืออุปสรรค ดังนั้น นอนหลับให้สนิทแล้วตื่นมาคิดอย่างแจ่มใส ย่อมให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพดีกว่า
4. ถ้าคุณนอนหลับยาก ควรออกกำลังกายในช่วงเย็น หรือ 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน แต่อย่าทำใกล้เวลานอน
5. ปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นระหว่าง 17-25 องศาเซลเซียส แล้วจะหลับง่ายสบายบอดี้
6. เสริมเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่สมดุล จะนอนหลับลึกได้ต่อเนื่อง
7. ความมืดมิดและไร้เสียง คือเคล็ดลับที่จะทำให้หลับได้สนิทและยาวนาน
8. ดื่มหรือรับประทานอาหารที่มีองค์ประกอบของกรด อะมิโน Tryptophan จากโปรตีน อย่างธัญพืช หรือเครื่องดื่ม Whole Grains ก่อนนอน จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายปล่อยสาร Niacin จากวิตามินบี 5 ทำให้สมองและร่างกายผ่อนคลาย และง่วงนอนง่ายขึ้น
9. สร้างกิจวัตรใหม่ด้วยการเข้านอนและตื่นให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน ลองทำแค่ 1 อาทิตย์ ติดต่อกัน ร่างกายก็คุ้นเคยแล้ว
10. หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ และช็อกโกแลตระหว่างวัน เพราะกาเฟอีนที่ผสมอยู่จะทำให้ร่างกายตื่นตัว

สมอง คืออาวุธที่จะมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อถูกนำมาใช้ในเวลาที่แจ่มใสที่สุด ดังนั้น ถ้าใครยิ่งต้องการความก้าวหน้า และความเฉียบแหลม จึงยิ่งต้องบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือการรู้จัก...ใช้เมื่อพร้อมถึงขีดสุด และหยุดดูแลเมื่อเต็มล้า

น้ำ กับ โค้ก

เรื่องน้ำ กับ โค้ก
โดย ANDREA L. GIDSON
COMMUNITY HOSPITAL ANDERSON
(TEL. 765-298-5128)

coke โค้ก

ถ้าท่านรู้เรื่องนี้ ท่านจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย 75% ของคนอเมริกันขาดน้ำ ถ้าคิดทั้งโลกจะมีประชากรโลกขาดน้ำถึงครึ่งหนึ่ง 73% ของคนอเมริกันมีกลไกที่ทำให้ความรู้สึกหิวน้ำทำงานช้าลง จึงทำให้ไม่รู้สึกหิวน้ำทั้งที่ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งจะเป็นผลทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายลดลงได้ประมาณ 3% และเป็นเหตุให้รู้สึกอ่อนเพลียในช่วงกลางวัน มีงานวิจัยพบว่า ในคน 100 คน ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คน ลดอาการปวดหลัง ปวดข้อ ลงได้ ดื่มน้ำวันละ 5 แก้ว ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ถึง 45 % มะเร็งเต้านมได้ 79% และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50%
ทีนี้มาลองรู้จักน้ำ “โค้ก” กันหน่อย แน่นอนโค้กรสชาดยอดเยี่ยม แต่
- ตำรวจทางหลวงจะบรรทุกโค้ก 2 แกลลอนในช่องท้ายรถ เพื่อเวลามีรถชนกัน สามารถเอาน้ำโค้กล้างเลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา
- ถ้าเอา T-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำโค้กเต็ม จะพบว่าจะถูกละลายไปหมดใน2 วัน
- ริน โค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วม ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วชักโครก กรดซิตริกในโค้กจะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด
- ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมี่ยมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำด้วย foil ชุบ โค้ก ขัดสนิมจะออกหมด
- ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำโค้ก ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด
- ถ้าจุดขวดติดแน่น งัดไม่ออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวดออกได้โดยง่าย
- ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทโค้ก 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที ก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อยให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำโค้กในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล
- การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำโค้ก 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซัก ปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ โค้กจะช่วยกำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด
- ท่านสามารถผสมโค้ก ลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในโค้ก จะช่วยทำความสะอาดกระจกได้ดี
- น้ำโค้กมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด
- เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถ truck จะต้องติดป้ายไว้ว่า “มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็นอันตราย”
- บริษัทขายน้ำโค้ก ใช้น้ำโค้กทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรถ truck มานานประมาณ 20 ปีแล้ว

ท่านยังอยากดื่ม โค้ก หรือดื่มน้ำกัน เลือกเอาเอง

ภัยรองเท้าแตะ

ใครที่ชอบใส่รองเท้าแตะเป็นประจำ ทราบหรือไม่ว่า รองเท้าแตะก็ให้โทษได้เหมือนกัน วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาฝาก...
    ใครที่ชอบใส่รองเท้าแตะเป็นชีวิตจิตใจ แบบว่า ใส่ทุกวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ ไม่ว่าจะไปไหนก็ขอลากแตะไปทุกที่ ควรระวังอาการปวดต่าง ๆ ที่จะตามมา เพราะว่าผลการวิจัยจาก Auburn University ระบุว่า การสวมใส่รองเท้าแตะแบบคีบบ่อย ๆ จะทำให้ ปวดเท้า เข่า และขา
จากการนำเด็กในมหาวิทยาลัยจำนวน 39 คนมาทดลองโดยให้สวมรองเท้าแตะคีบ กับรองเท้ากีฬาทำกิจกรรมต่าง ๆ ปรากฏว่าคนที่สวมรองเท้าแตะ จะมีช่วงการก้าวขาที่สั้นกว่า คนที่สวมรองเท้ากีฬา และเมื่อให้สบัดเท้าไปด้านหลัง ก็ทำได้ไม่สูงนัก เพราะต้องให้แรงคีบรองเท้าเอาไว้มากกว่าคนที่สวมรองเท้ากีฬา
จากการทดลองนี้เข้าทางแนวคิดเดียวกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในนิวยอร์ก ที่เคยเตือนสาวกรองเท้าคีบว่า การสวมรองเท้าชนิดนี้ ต้องใช้แรงนิ้วเท้าในการเกาะยึดรองเท้ามากกว่าการสวมรองเท้าชนิดอื่น จึงอาจจะทำให้ผู้สวมใส่มีอาการกระดูกหน้าแข้ง และเส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ
รู้อย่างนี้แล้ว ควรลากแตะในเวลาที่ต้องการพักเท้าจะดีที่สุด.

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

สัตว์เป็นมากกว่าเพื่อน

สัตว์เป็นมากกว่าเพื่อน


นอกจากเราจะเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเพื่อนแล้ว การเลี้ยงสัตว์ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่ามนุษย์มีความรักและปรารถนาดีต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

สัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ มันไม่เคยหักหลัง มีแต่รับฟังด้วยความเข้าใจ และมอบความอบอุ่นให้มนุษย์เสมอ ทำให้ผู้เลี้ยงรู้สึกมั่นคงในอารมณ์และรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า มีคนรัก ซึ่งช่วยผู้ป่วยทางจิตได้

ที่สำคัญนักวิจัยยังพบว่า คนไข้โรคหัวใจที่เลี้ยงสัตว์จะมีโอกาสเสียชีวิตน้อยกว่าคนไข้ที่ไม่เลี้ยงถึงร้อยละ 3 คนที่เลี้ยงแมวและสุนัขมักจะไม่เป็นโรคปวดหัวและปวดหลัง สัตว์เลี้ยงช่วยลดความดันโลหิตและคอเรสเตอรอลในเลือดของเจ้าของ ทำให้มีโอกาสเป็นโรคหัวใจน้อย ซึ่งเป็นเพราะอารมณ์เย็นและได้เดินออกกำลังกายพร้อมสัตว์เลี้ยงนั่นเอง

นอก จากนี้ นักวิจัยยังพบว่า ปกติแล้วคนที่มีสัตว์เลี้ยงมักจะมีจิตใจดี เอื้ออาทรต่อสัตว์ และเพื่อนมนุษย์มากกว่าคนที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงด้วย

ฆ่าตัวตาย ภัยใกล้ตัว

ฆ่าตัวตาย ภัยใกล้ตัว
 


ใน เดือนกันยายนของทุกปี ผู้คนทั่วโลกจะนึกถึงเหตุการณ์ เหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งมีผลกระทบทางจิตใจต่อผู้คนมากมาย นั่นคือความเสียบหายและโศกนาฏกรรม 911 หรือวันที่ 11 เดือนกันยายน แต่ก่อนที่จะถึงวันดังกล่าวจะมีวันสำคุณคือ วันที่ 10 กันยายนของทุกปี องค์การอนามัยโลกกำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก โดยประกาศเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.2003 (ตรงกับ พ.ศ.2546 ของไทย)

องค์การ อนามัยโลกคาดว่าปีหนึ่งจะมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน และการฆ่าตัวตายส่งผลกระทบต่อจิตใจของพ่อแม่พี่น้อง สามีภรรยาและเพื่อนของผู้ตาย ตลอดจนมีผลทางมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล องค์การ อนามัยโลกพบว่าการฆ่าตัวตายติด 10 อันดับแรก ของสาเหตุการตายของประชากรโลก และติดอันดับ 3 ของสาเหตุการตายสำหรับประชากรวัย 15-35 ปี

กรม สุขภาพจิต ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ และได้ดำเนินโครงการดูแลช่วยเหลือและป้องกันปัญหานี้อย่างต่อเนื่องมา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 จนถึงปัจจุบัน จัดให้มีระบบการบริหารจัดการความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยสร้างระบบบันทึกข้อมูลการเฝ้าระวังและการศึกษาวิจัยปัญหานี้ในแง่มุม ต่างๆ เพื่อนำมาใช้วางแผนการดำเนินการช่วยเหลือและป้องกันปัญหาต่อไป

การ ป้องกันปัญหาผู้ที่ทำร้ายตนเองที่ไม่เสียชีวิต(พยายามฆ่าตัวตาย) เป็นที่รู้กันว่าในกลุ่มนี้มักจะมีโอกาสทำซ้ำเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า และฆ่าตัวตายสำเร็จในที่สุด ถ้าไม่สามารถให้การช่วยเหลือหรือนำเขาเหล่านั้นสู่กระบวนการรักษาทางจิตเวช โดยเฉพาะปัญหาโรคซึมเศร้า

โรค ซึมเศร้า ถือเป็นภาวะโรคซึ่งปัจจุบันเป็นปัญหาในการดูแลรักษา โรคนี้เป็นมหันตภัยเงียบนอกจากจะส่งผลเสียกับตัวเองยังส่งผลกระทบต่อคนรอบ ข้าง เมื่อโกรธมักใช้อารมณ์รุนแรงหากโกรธตัวเองมากก็จะฆ่าตัวเองตาย แต่ถ้าโกรธผู้อื่นด้วยก็จะทำร้ายฆ่าผู้อื่นแล้วฆ่าตัวตายตาม หรือเป็นห่วงคนในครอบครัวจึงฆ่าคนในครอบครัวก่อนแล้วฆ่าตัวตายตามเป็นต้น


ความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายมีเพิ่มขึ้นเมื่อ

-เกิดเหตุการณ์สูญเสีย หรือการตัดสัมพันธภาพการแตกแยกกับผู้ใกล้ชิด
-การเปลี่ยนแปลง การดำเนินชีวิต เช่น การเกษียณ ปัญหาสุขภาพ ปัญหาการเงิน
-ความเจ็บป่วย ความพิการ สูญเสียอวัยวะทางร่างกาย
-การที่ต้องพึ่งพายาเสพติด เหล้า
-เคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน
-มีประวัติการฆ่าตัวตายในครอบครัว
-มีความกดดัน และมีประวัติความเจ็บป่วยทางจิต


ผู้ที่มีความคิดฆ่าตัวตายจะแสดงออก ดังนี้

-อยู่โดดเดี่ยว เก็บตัว ไม่เข้าสังคมกับผู้อื่นไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้
-มีแผนและหาวิธีที่จะฆ่าตัวตายแน่นอนแล้วเขาจะพูดคุยเกี่ยวกับการจัดภารกิจให้เรียบร้อย
-แสดงความรู้สึกผิดหวัง มองตัวเองไร้ค่า รู้สึกหมดความสนุกสนานในชีวิต
-พูดวนอยู่กับปัญหาที่หาทางแก้ไขไม่ได้
-แสดงออกถึงความรู้สึกหมดเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ

การดูแลใจตัวเอง

การดูแลใจตัวเอง
 


การตามดูใจของตัวเองนี่

... น่า สนใจมาก ใจที่ยังไม่ได้ฝึก มันก็คอยวิ่งไปตามนิสัยความเคยชินที่ยังไม่ได้ฝึกไม่ได้อบรม มันเต้นคึกคักไปตามเรื่องตามราว ตามความคะนอง เพราะมันยังไม่เคยถูกฝึก ดังนั้นจงฝึกใจของตัวเอง...

ให้รู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา

... ให้ มีสติอยู่ ให้เห็นการเกิดดับของกายและใจ แต่อย่าให้มันมาทำใจให้วุ่นวาย ให้ปล่อยวางมันไป ความรักเกิดขึ้นก็ปล่อยมันไป มันมาจากไหน ก็ให้มันกลับไปที่นั่น ความโลภเกิดขึ้นก็ปล่อยมันไป ตามมันไป ตามดูว่ามันอยู่ที่ไหนแล้วตามไปส่งมันให้ถึงที่ อย่าเก็บมันไว้สักอย่าง


ถ้าท่านปฏิบัติได้อย่างนี้


ท่านก็จะเหมือนกับบ้านว่าง หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ นี่คือใจว่าง เป็นใจที่ว่างและอิสระจากกิเลส ความชั่วทั้งหลาย เราเรียกว่า "ใจว่าง" แต่ไม่ใช่ว่าว่างเหมือนว่าไม่มีอะไร มันว่างจากกิเลส แต่เต็มไปด้วยความฉลาด ด้วยปัญญา ฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไร ก็ทำด้วยปัญญา คิดด้วยปัญญา จะมีแต่ปัญญาเท่านั้น

อุปมาเหมือนว่าเราแบกก้อนหินหนักอยู่ก้อนหนึ่ง

... แบกไปก็รู้สึกหนัก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัน ก็ได้แต่แบกอยู่อย่างนั้นแหละ พอมีใครบอกว่า ให้โยนมันทิ้งเสียซิ ก็มาคิดอีกแหละว่า "เอ! ถ้าเราโยนมันทิ้งไปแล้ว เราก็ไม่มีอะไรเหลือนะซิ"ก็เลยแบกอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมทิ้ง

งจะมีใครบอกว่า

โยน ทิ้งไปเถอะ แล้วจะดีอย่างนั้นเป็นประโยชน์อย่างนี้ เราก็ยังไม่ยอมโยนทิ้งอยู่นั่นแหละ เพราะกลัวแต่ว่าจะไม่มีอะไรเหลือ ก็เลยแบกก้อนหินหนักไว้ จนเหนื่อยอ่อนเพลียเต็มที จนแบกไม่ไหวแล้ว ก็เลยปล่อยมันตกลง


ตอนที่ปล่อยมันตกลงนี่แหละก็จะเกิดความรู้เรื่อง

"การปล่อยวาง" ขึ้นมาเลย เราจะรู้สึกเบาสบาย แล้วก็รู้ได้ด้วยตนเองว่า การแบกก้อนหินนั้นมันหนักเพียงใด แต่ตอนที่เราแบกอยู่นั้น เราไม่รู้หรอกว่า "การปล่อยวาง" มันมีประโยชน์เพียงใด

เพื่อนที่คุณคบเป็นแบบไหนเอ่ย

เพื่อนที่คุณคบเป็นแบบไหนเอ่ย
 

ประเภทของเพื่อนหลักๆลองดูครับว่าคุณมีเพื่อนแบบไหน?

1. เพื่อนแท้ (Real Friends) : เรียล เฟรนด์ หรือจะเรียกว่า ออริจินอล เฟรนด์ ก็ได้ครับ เพื่อนประเภทนี้จะอยู่กับคุณไปจนวันตาย เพื่อนแบบนี้หายากครับ ยากมากๆ บางที ขุดหาทองถ้ำลิเจีย ยังหาง่ายกว่าเลย .. ฉะนั้นผมขอผ่านครับ แบบนี้ไม่มีทางมีในโลก ... แต่สำหรับไอ้ใครที่จู่ๆ มีเพื่อนมาบอกว่า "ผมเป็นเพื่อนแท้ของคุณนะ" ... ขอให้สันนิษฐานครับ (โดย เฉพาะเพศเดียวกัน) เขากำลังมองประตูหลังคุณอยู่แน่นอน ..

2. เพื่อนซี้ (Cee Friends) : เพื่อนแบบนี้ ส่วนมาก จะเป็นเพศเดียวกันครับ เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม จอร์จ ที่สุดแล้วครับ มีอะไรเราคุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาเปรียบ ไม่เบียดเบียน ซึ่งกันและกัน ปรับทุกข์กันได้ แถมบางทีโกรธกันจนขนาดต้อง ชกกันก็มีครับ แต่สุดท้ายก็เคลียร์กันได้ ไม่หยิ่ง ไม่เรื่องมาก ไม่ขี้งอน ถือว่าเยี่ยมครับ !!! ครบทุกรสชาติ สุขทุกข์ ดีชั่ว ต้องแบบนี้ครับ เพื่อนซี้ ...

3. เพื่อนสนิท (Endorphin) : เพื่อนประเภทนี้ ส่วนใหญ่ใช้กับเพศตรงข้ามมากกว่า และที่สำคัญไปกว่านั้น คนที่บอกว่าเป็น "เพื่อนสนิท" มักที่จะใช้พูดแก้ตัวกับคนอื่น ทั้งๆ ที่ความจริงนะมันคือแฟนกันแล้ว แต่ก็ไปบอกชาวบ้านว่า เป็นแค่เพื่อนสนิท หรืออีกนัยหนึ่ง เพื่อนสนิทก็ยังเป็นคำพูดที่ใช้กันมานาน และยังคงอินเทรน ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เพราะมันเป็นคำพูดปฏิเสธรักแบบอ้อมๆ ละครับ ฉะนั้น ใครที่โดนแบบนี้ ใส่เกียร์ถอยหลังตอนนี้ ยังไม่สายครับ ..

4. เพื่อนร่วมงาน (Cooperative Friends) : เพื่อนร่วมงาน เป็นเพื่อนที่ทำงานอยู่ด้วยกัน เพื่อนประเภทนี้อาจจะไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ แต่มีอะไรคุยกันได้ครับ เจอกันคุยกันเรื่องงานอย่างเดียว อาจจะมีการถามสารทุกข์สุกดิบกันบ้าง นิดๆ หน่อยๆ พอหอมปากหอมคอ แต่ส่วนมากก็จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันครับ โดยรวมแล้วถือได้ว่าดีใช้ได้ทีเดียวครับ ...

5. เพื่อนผิวเผิน (Surface Friends) : แน่นอนครับ เพื่อนประเภทนี้ เชื่อว่าทุกคนมีเยอะมากๆ เพื่อนประเภทนี้มักจะเจอตอนช่วงโมงเร่งด่วน (Rush Hour) เช่นรีบไปเรียน รีบไปทำงาน รีบไปขึ้นรถ หรือว่า เค้าแกล้งรีบ (เพราะไม่อยากเจอคุณ) อะไรประมาณนี้ เจอกันมักจะเจออยู่ 2 คำถาม ครับว่า "ไปไหน ??" ถ้าอยู่มหาลัยก็จะถามว่า "เรียนอารายย ??" ประมาณนี้ครับ ...

6. เพื่อนรับประทาน (Eating Friends) : เพื่อนแบบนี้ ก็เป็นเพื่อนที่เวลาคุณไปไหน เค้าจะไปด้วยกับคุณเสมอไม่ว่า คุณจะชวนไปกินข้าว ชวนไปเที่ยว ชวนไปดูหนัง เขามักจะไม่ค่อยปฏิเสธคำเชิญของคุณครับ แต่เขามักจะมี คำพูดพ่วงท้ายหลังคำถามของท่านมาว่า "เลี้ยงป่าว" เสมอครับ ...

7. เพื่อนกล้วย (Banana Friends) : เพื่อนประเภทนี้เรียกได้ว่าเข้าขั้นสุดครับ นอกจากจะเป็นเพื่อนรับประทานแล้ว ยังเป็นเพื่อนที่จะคอยข่มขู่ท่านให้รู้สึกหวาดกลัว ในบางสิ่งบางอย่าง จนคุณอาจจะต้องทำสิ่งที่เค้าต้องการให้คุณทำครับ แน่นอนครับ เพื่อนแบบนี้คงจะไม่มีใคร อยากมีแน่ๆ แต่ในเมื่อถ้ามันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องทนต่อไปละครับ ...

8. เพื่อนตาย (Dead Friends) : ก็ไปงานศพเค้าสิครับ

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

วัยรุ่นวัยเสี่ยง แชทรักออนไลน์

วัยรุ่นวัยเสี่ยง แชทรักออนไลน์ 

การสนทนาทางอินเตอร์เน็ตหรือ “แชท” นั้นมันเป็นการสนทนาที่มีเสน่ห์อยู่ในตัว เทคนิคการใช้ภาษาสื่ออารมณ์ ความรู้สึก การหว่านล้อม เชื้อเชิญ ซึ่งบางครั้งก็สร้างความรู้สึกแตกต่างจากการสนทนาธรรมดาเห็นหน้ากัน นั่นเพราะการแชทมันสามารถทำอะไรบางอย่างที่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาจจะไม่กล้าแสดงออกได้ ก็ไม่แปลกนักที่หลายๆ คนจะติดอกติดใจอยู่กับการแชท แต่ในปีที่ผ่านมาศูนย์เฝ้าระวังภัยเทคโนโลยี (IT WATCH) มูลนิธิกระจกเงา รายงานสถิติคนหายจากการ “แชท” มีจำนวนทั้งสิ้น 37 ราย พุ่งสูงที่สุดในประวัติการณ์ และทุกรายเป็น “เด็กวัยรุ่น” แทบจะทุกกรณีมักจะมีเรื่องรักๆมาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ซึ่งเป็นจุดที่เป็นกังวลของผู้ใหญ่หลายๆ ฝ่าย
“แชท” ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน “สื่อรักออนไลน์” ได้ส่งผลกระทบต่อเด็กวัยรุ่นเป็นจำนวนมากขนาดนี้ได้อย่างไร บทสัมภาษณ์ พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น จากสถาบันสุขภาพจิตและวัยรุ่นราชนครินทร์
พัฒนาการของเด็กวัยรุ่น
ตั้งแต่อายุประมาณ 12-13 ปี เด็กก็จะย่างก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นซึ่งเด็กในวัยนี้จะยังมีความคิดที่ไม่เหมือนผู้ใหญ่ เนื่องจากประสบการณ์ชีวิตยังน้อยและพัฒนาการทางสมองก็ยังไม่ได้เติบโตจนพร้อมที่จะเข้าใจเรื่องเหตุผลได้อย่างเต็มที่ แต่จะอยู่ในช่วงการเจริญทางอารมณ์ การพัฒนาการทางด้านอารมณ์เท่านั้น สังเกตได้ว่าช่วงวัยนี้จะมีการใช้อารมณ์กันค่อนข้างเยอะ

วัยตื่นเต้นกับสิ่งใหม่และท้าทาย
วัยรุ่นมักจะชอบอะไรใหม่ๆ อยู่แล้ว ยิ่งถ้าได้รับความรู้สึกตื่นเต้น ประหลาดใจ มันก็จะยิ่งเกิดความสนุกไปกับสิ่งนั้น จนไม่ทันได้ระวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยอะไรบางอย่างที่กำลังจะเข้าถึงตัว

เด็กวัยรุ่นกับการแชท
เรื่องแชทนี้ก็ถือเป็นแฟชั่นเป็นเทรนด์ของสังคม เป็นเรื่องใหม่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับคนที่ยังไม่เคยลอง เด็กบางคนอาจจะเริ่มเข้าสู่การแชทเพราะอิงไปตามกระแส อิงไปตามเพื่อน เพราะถ้าแชทไม่เป็นมันก็อาจจะเกิดความรู้สึกแปลกแยกในกลุ่มหรือเชย ซึ่งตั้งแต่เริ่มต้นการแชทก็มักจะเป็นการพูดคุยกันในเรื่องดีดี ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความรู้สึกดีดี เมื่อมันเป็นการสื่อสารที่ทำให้รู้สึกดีเหมือนมีคนมาทำดีด้วยเด็กวัยรุ่นจึงคิดว่า ไม่น่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นกับตัวเองและมองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวซึ่งการคิดในแบบนั้นก็เป็นไปตามเรื่องอารมณ์ความรู้สึกตามวัย วัยรุ่นวัยใส จึงไม่ค่อยได้ระมัดระวังในการพูดคุยเรื่องส่วนตัวหรือการนัดพบกับเพื่อนทางอินเตอร์เน็ต และด้วยเด็กวัยรุ่นจะมีประสบการณ์น้อยและยังไม่เข้าใจสภาพปัญหาสังคมที่แท้จริงว่ามีคนจ้องที่จะทำการล่อลวงโดยใช้การแชทเป็นเครื่องมือ และเด็กยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่พยายามให้คำแนะนำตักเตือน หรือบางรายยิ่งบอกมากเท่าไหร่เด็กก็จะคิดว่านั่นคือการ “บ่น”

ทำอย่างไรถึงเด็กวัยรุ่นถึงจะปลอดภัยจากวายร้ายนักแชท
1. รู้เท่าทันภัยเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในสังคม หมั่นติดตามข่าวสารที่นำเสนอผ่านสื่อต่าง ๆ หลายแขนงทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต หนังสือพิมพ์ เพื่อให้รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ให้มองไปถึงรูปแบบที่วายร้ายสามารถเข้าถึงเหยื่อไปจนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งจะได้นำความรู้ที่ได้รับมาประกอบการคิดทบทวนและวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่ามีโอกาสตกเป็นเหยื่อหรือไม่
2. ทักษะการใช้ชีวิต นอกจากจะรู้ว่าสิ่งไหนควรทำสิ่งไหนไม่ควรทำแล้วสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือทักษะการใช้ชีวิตที่จะช่วยให้สามารถเอาตัวรอดได้เมื่อเกิดปัญหา เช่น
เมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกหว่านล้อมจากการแชทกับคนแปลกหน้า เราจะมีวิธีการปฏิเสธหรือไม่หลงใหลไปกับคำเชื้อเชิญนั้นได้อย่างไร
การนัดพบกับเพื่อนทางอินเตอร์เน็ตในสถานที่เปลี่ยวหรือไม่ค่อยมีผู้คน หรืออาจถูกชักชวนให้ไปยังสถานที่ใดสถานที่หนึ่งซึ่งค่อนข้างล่อแหลมต่อการก่อเหตุอันไม่สมควร เราจะมีวิธีการปฏิเสธอย่างไรหรือมีการวางแผนรองรับหากเกิดความผิดพลาด

หากตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย จะมีเทคนิคการต่อรองกับวายร้ายนักแชทอย่างไร ถ้าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว สิ่งที่ควรทำเพื่อเป็นการป้องกันการติดโรคหรือไม่ให้ตั้งท้องทำอย่างไร และขั้นตอนการประสานงานขอความช่วยเหลือที่ไวที่สุด เหล่านี้เป็นเพียงคำถามบางคำถามที่จะช่วยฝึกทักษะการแก้ไขปัญหาและเพิ่มเติมทักษะชีวิต
3. ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เด็กเชื่อฟังคำเตือนและคำแนะนำจากคนในครอบครัว หากมีความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวที่ดี เด็กบางคนเมื่อมีการนัดพบกับเพื่อนทางอินเตอร์เน็ตก็อาจจะตัดสินใจที่จะไม่ไปพบ เนื่องเขาเชื่อฟังคำเตือนและคำแนะนำจากพ่อ แม่ ที่คอยเตือนให้ระวังการถูกล่อลวงทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น ในทางกลับกันหากเป็นความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ไม่ค่อยดี เช่น ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากหน้าที่การงานของพ่อแม่ทำให้ไม่สามารถมีเวลาในการเลี้ยงดูบุตรหลานที่เพียงพอ ไม่ค่อยได้ให้คำแนะนำหรือเพิ่มเติมทักษะชีวิตเด็กก็อาจไม่มีเกราะในการป้องกันที่เสริมสร้างมาจากครอบครัว หรือในความสัมพันธ์ที่ร้ายไปกว่านั้นคือการที่มักจะมีการถกเถียงหรือทะเลาะกันเป็นประจำในครอบครัว ทำให้เมื่อพ่อ แม่ พี่ น้อง ว่ากล่าวตักเตือนจึงไม่ค่อยเชื่อฟังนัก
แม้ในตอนนี้เด็กวัยรุ่นอาจจะยังไม่ค่อยรู้เท่าทันภัยเทคโนโลยีที่มีในปัจจุบัน และไม่ค่อยจะเชื่อฟังคำตักเตือนคำแนะนำสักเท่าไหร่ แต่ก็อย่าได้ละเลย นอกจากผู้ใหญ่จะต้องคอยให้การดูแลและสั่งสอนแล้วอย่าลืมติดตั้งทักษะการใช้ชีวิตไว้ให้เด็กวัยรุ่นด้วย เพราะหากเด็กกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย เด็กจะได้นำความรู้และทักษะชีวิตที่ได้รับมาช่วยแก้ไขปัญหาได้เพื่อเอาตัวรอดได้

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

คุณค่าของเวลา

คุณค่าของเวลา
ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 10 ปีมีค่าขนาดไหน ถามคู่แต่งงานที่เพิ่งหย่าร้างกัน

ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 4 ปีมีค่าขนาดไหน ถามนิสิตนักศึกษาที่เพิ่งรับปริญญาจากมหาวิทยาลัย

ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 ปีมีค่าขนาดไหน ถามนักเรียนที่สอบไล่ตก

ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 9 เดือนมีค่าขนาดไหน ถามแม่ที่เพิ่งคลอดลูก

ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 เดือนมีค่าขนาดไหน ถามมารดาที่คลอดบุตรยังไม่ครบกำหนด

ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 อาทิตย์มีค่าขนาดไหน ถามบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์

ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 ชั่วโมงมีค่าขนาดไหน ถามคนรักที่รอพบกัน

ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 นาฑีมีค่าขนาดไหน ถามคนที่พลาดรถไฟ รถประจำทาง หรือเรือบิน

ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 วินาฑีมีค่าขนาดไหน ถามคนที่รอดตายจากอุบัติเหตุอย่างหวุดหวิด

ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลาเสี้ยวหนึ่งของวินาฑีมีค่าขนาดไหน ถามนักกีฬาโอลิมปิคที่ชนะเหรียญเงิน

ถ้าท่านอยากรู้ว่ามิตรภาพมีค่าขนาดไหน เสียเพื่อนสักคนหนึ่ง

เวลาไม่เคยรอใคร เมื่อมันผ่านไปแล้ว มันจะไม่กลับมาอีก จงใช้เวลาของท่านทุกขณะอย่างดีที่สุด

ท่านจะรู้คุณค่าของเวลาเมื่อท่านแบ่งปันกับคนที่พิเศษสุดในชีวิตของท่าน

ความห่างไกล - วัดความผูกพัน

ความห่างไกล - วัดความผูกพัน
มีคนบอกว่า ... ฟ้าดินลงโทษเขาให้ห่างไกลกับคนรัก

ฉันกลับคิดว่า ... ฟ้าดินกำลังสงสัยคู่นี้ว่า

... เขารักกันจริงหรือป่าวต่างหาก ...

เลยทดสอบโดยแยกคนนึงไปทาง ... อีกคนไปทาง

คงมีใครบางคนมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ

ถ้าเราคิดว่ามันเป็นการทดสอบว่าเราเลือกถูกคนรึป่าว

ความห่างไกล ... จะเป็นตัววัดปริมาณความผูกพันที่เรามีต่อกัน

ถ้าเรายังรู้สึกเหมือนเดิม...แถมยังเพิ่มความห่วงใย ... ความคิดถึง ...

นั่นคือเรามีความรักที่แท้จริงให้เค้า ... เราสอบผ่าน ...

แต่ถ้าเขาเปลี่ยนแปลงไป ... แรก ๆ ก็ติดต่อกันถี่หน่อย ... หลัง ๆ เริ่มห่างหาย

เค้าสอบตก ... ก็ในเมื่อปริมาณความผูกพันของเค้ามันมีไม่เพียงพอ

เราน่าจะภูมิใจในตัวเอง ... ที่เราได้เลื่อนชั้นขึ้นไป ... แม้มีใครจะสอบตก

ถ้าเค้าอยากจะขึ้นมาอยู่ข้างเรา... เค้าต้องเร่งให้สอบผ่านบททดสอบนี้ ...

แล้วก้าวขึ้นมาอยู่ข้างเราเอง ...

ถ้าเค้าไม่ผ่าน ... ก็ถือว่าเป็นบุญ ...

ที่ฟ้าดินได้คัดคนโง่ ... ออกไปจากเราแล้ว ...

การรักษาแบตเตอรี่ใน Notebook

การรักษาแบตเตอรี่ใน Notebook
แบตเตอรี่ใน Notebook มีอายุใช้งานนานเท่าไหร่             โดยทั่วไปมักจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นกับการดูแล รักษา และเคล็ดลับในการใช้งานของแต่ละคน ส่วนหลักการที่เป็นไปได้ที่จะทำให้ Battery ใน Notebook อยู่กับเราไปนานๆ เรามีคำตอบมาฝากบอกต่อๆ กัน



BATTERY NOTEBOOK


             มีความสงสัยกันมากในหมู่ผู้ใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเพลง MP3 กล้องถ่ายรูปและอื่นๆ ว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้แบตเตอรี่ชนิดประจุไฟได้ที่มาพร้อมเครื่องมีอายุยืนยาว เพราะเมื่อเสื่อมสภาพแล้วจะซื้อใหม่ราคาช่างเจ็บปวดหัวใจเสียเหลือเกิน

             บางคนก็บอกว่า ให้ถอดแบตเตอรี่ออกใช้การเสียบอะแดปเตอร์แทน วิธีการนี้อายุของแบตยิ่งจะไปเร็วเพราะไม่มีการกระตุ้นด้วยการใช้งานเลย บางคนก็บอกว่า เสียบอะแดปเตอร์ไว้ตลอดเวลาจะได้ชาร์ทให้เต็มตลอดเวลา นี่ก็ไม่เหมาะอีกเพราะยังไม่ได้คลายประจุออกมาก็อัดคืนเข้าไปแล้วแล้วจะทำอย่างไรดี

             นี่คือคำตอบ ที่ได้มาจากฝ่ายสนับสนุนฮาร์ดแวร์ของบริษัท แอบเปิ้ล ผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ Mac ชื่อดังและโทรศัพท์ iPhone เครื่องเล่นเพลงอย่าง iPod แนะนำมาอย่างนี้ครับ

            
การปรับแต่งแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อยืดอายุให้นานวันและมีพลังเพียงพอในการทำงานเสมอ (โดยเฉพาะแบตเตอรี่ยุคใหม่ที่เป็น Lithion) ควรจะทำการ calibrate ตามขั้นตอนดังนี้
             1. เสียบปลั๊กเพาเวอร์อะแดปเตอร์ให้ชาร์ตแบตเตอรี่ให้เต็มจนกระทั่งไฟแสดงการชาร์ท หรือไอค่อนแสดงการชาร์ทในอุปกรณ์นั้นแสดงว่าเต็ม 100%.
             2. ปล่อยให้มีการชาร์ทต่อไปอีกสัก 2 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างการชาร์ทนี้คุณยังสามารถทำงานกับเครื่องอุปกรณ์ได้ตามปกติ.
             3. ถอดปลั๊กเพาเวอร์อะแดปเตอร์ แล้วใช้งานไปตามปกติจนกระทั่งแบตเตอรี่หมด (ถ้าทำงานสำคัญให้หมั่นเซฟงานไว้ด้วย) จนกระทั่งแบตเตอรี่จ่ายไฟจนหมด ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์จะมีกรอบหน้าต่างเตือนหรือเสียงเตือน (ถ้าตั้งค่าไว้) ก็แค่กดปุ่มปิดกรอบแจ้งเตือนนั้นแต่ทำงานต่อไป.
             4. จนกระทั่งแบตเตอรี่หมดจริงๆ และเครื่องเข้าสู่ภาวะหลับ (sleep) อย่าลืมเซฟงานสำคัญไว้ก่อนเมื่อมีการเตือนก่อนที่เครื่องจะหลับไป.
             5. ปิดเครื่องหรือปล่อยให้มันหลับไปทิ้งไว้ประมาณ 5 ชั่วโมงหรือมากกว่า ถ้ามีงานต้องทำอาจจะถอดแบตเตอรี่ออกแล้วใช้กำลังไฟจากเพาเวอร์อแด็ปเตอร์แทนได้ (ถ้าเครื่องนั้นทำได้ เพราะมีบางเครื่องถ้าถอดแบตเตอรี่ออกจะเปิดไม่ได้ก็มีกรณีนี้ก็นอนหลับพัก ผ่อน).
             6. ครบ 5 ชั่วโมงแล้วเชื่อมต่อเพาเวอร์อะแดปเตอร์อีกครั้ง ทำการชาร์ทไฟให้เต็มที่อีกครั้ง แบตเตอรี่ของคุณจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง.

             Tip:  วิธีการนี้ผมลองทดสอบกับเครื่องโน้ตบุ๊คที่ใช้งานมาประมาณปีเศษ จากที่เคยใช้งานได้นานสามชั่วโมงก็จะเหลือเพียงชั่วโมงเศษๆ แบตเตอรี่ก็หมดประจุแล้วเลยใช้วิธีการนี้ดูบ้าง ปรากฏว่าทำให้แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้เกือบสองชั่วโมงเลยทำการ calibrate ซ้ำไปสี่ห้าครั้ง เรื่องไม่น่าเชื่อก็บังเกิดแบตเตอรี่ก้อนนั้นสามารถกลับมาจ่ายประจุได้สามชั่วโมงอีกครั้งหนึ่ง ทดลองดูซิครับ อาจจะไม่ต้องเสียเงินห้าหกพันสำหรับแบตเตอรี่ก้อนใหม่ก็ได้





วิธียืดอายุให้ Battery ของ Notebook             1)  หลีกเลี่ยงการใช้งานในห้องที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป
             2)  การ Charge ทุกครั้ง ควร Charge ให้เต็มด้วยเสมอ
             3)  ถ้าไม่ใช้ Notebook นานๆ ควร charge battery ให้เต็มและถอดเก็บไว้
             4)  ปิดการใช้งาน BlueTooth รวมทั้ง Wirreless ด้วยถ้าไม่ได้ใช้งาน
             5)  อย่าปล่อยให้ไฟหมดเกลี้ยงในตัว battery เพราะจะทำให้ charge และไฟเข้ายากกว่าปกติ
             6)  ใช้ Battery กันบ้าง คนส่วนใหญ่มักจะต่อสาย Power เข้ากับปลั๊กทันทีที่มีโอกาสทำให้ไม่ค่อยได้ใช้ battery กันอย่างจริงๆ ดังนั้นแนะนำให้ใช้ไฟจาก battery บ้าง อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง การใช้ก็ควรใช้ให้หมดจนกระทั่งขึ้นสัญญาณให้ charge
             7)  ถอด battery ออก ต่อสายตรง ซึ่งข้อนี้ไม่ได้แนะนำ แต่เห็นเพื่อนบางคนประหยัดสุดๆ กลัว Battery   ใช้ได้ไม่ถึง 5 ปี (ปกติก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว)  ถ้าจะถอดจริงๆ ก็เปลี่ยนไปใช้คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะเลยดีกว่า

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

ความรัก กะ รองเท้า ที่ไม่พอดี

รองเท้า ผู้หญิง ความรักวันหนึ่ง .........ฉันอยากได้รองเท้า ฉันเดินเข้าไปในร้านที่มีรองเท้าหลากสี-หลายแบบวางเรียงราย

ร้ า น แ ล้ ว ร้ า น เ ล่ า

แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้รองเท้าถูกใจกลับไปด้วยแม้แต่คู่เดียว

เลือกแล้วเลือกอีก.......จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้ากระจกร้านหรูแห่งหนึ่ง

รองเท้าส้นสูงสีส้มคู่นั้นสะท้อนเงาเฉิดฉายผ่านกระจกออกมาเตะตาฉันตั้งแต่แรกเห็น

มันช่างเป็นรองเท้าที่สวยจนอยากมีไว้ประดับคู่เท้าในทุกย่างก้าว

โดยไม่รอรี......ฉันเดินตรงลิ่วเข้าไปหามัน

แม้ป้ายราคาเล็ก-เล็กที่ติดเอาไว้จะบอกราคาที่ไม่เล็กนัก

แต่ฉันไม่ลังเลสักนิดเดียวที่จะจ่ายเงินจำนวนนั้นออกไปเพื่อให้ได้รองเท้าที่ถูกใจที่สุดในวันนี้

" แน่นนิดนึงนะคะ...มีคู่ใหม่ที่ใหญ่กว่านี้มั้ย "

ฉันถามพนักงานขายขณะที่กำลังพยายามสอดเท้าลงไปในรองเท้าคู่สวยให้พอดี แล้วพบว่ามันพอดิบ-พอดี จนขยับเท้าไม่ได้

" ไม่มีหรอกค่ะ....เรามีแบบละคู่เท่านั้น รับรองว่า ใส่แล้วไม่ซ้ำแบบใคร "

พนักงานขายเสนอข้อได้เปรียบในการซื้อสินค้า

" แต่ดิฉันว่าใส่แล้วก็พอดีนะคะ เผื่อมันยืดออกอีกนิดหน่อย"

เธอยังคงเสนอต่อเมื่อเห็นแววตาที่ฉันชื่นชมสินค้าของเธอ

- - เย็นวันนั้นฉันกลับบ้านด้วยรอยยิ้มกรุ่นพร้อมกับรองเท้าคู่สวยที่อยู่ในมือ - -

ฉันจัดแจงโยนรองเท้าผ้าใบคู่เก่าที่ใส่มาแรมปีทิ้งไปอย่างไม่แยแส

วันรุ่งขึ้น .............ฉันออกเดินด้วยรองเท้าคู่ใหม่อย่างเฉิดฉาย

ยิ่งมีใครต่อใครชมว่ามันสวยนักหนาฉันก็ยิ่งปลื้มใจ

ทว่า...ไม่ทันข้ามวันรองเท้าเจ้ากรรมก็แผลงฤทธิ์จนฉันเดินโขยกเขยก

และเย็นวันนั้นฉันก็ต้องกลับมาบ้านพร้อมกับเท้าที่ระบม

ห า ก ชี วิ ต ค น เ ร า เ ป็ น เ ห มื อ น ก า ร เดิ น ท า ง ไ ก ล

ความรัก.......ก็คงเป็นเหมือน "รองเท้า"

แ ท้ ที่ จ ริ ง แ ล้ ว

..............

ฉันว่าคนเราไม่ได้ต้องการ 'รองเท้าสวย' มากไปกว่า

- - รองเท้าที่ใส่สบาย - -

แต่ก็นั่นแหละ ใคร-ใครก็ย่อมชอบรองเท้าสวย-สวยด้วยกันทั้งนั้น

ถึงไม่น่าแปลกที่หลายคนมักตัดสินใจซื้อรองเท้าเพราะว่า
'มันสวย ' มากกว่า 'มันพอดีกับเท้า'

และแม้มันจะใส่แล้วคับไปนิด...อึดอัดไปหน่อยก็ยังไม่วางมือ

เหตุเพราะว่า........มันสวยถูกใจ

หรือแม้มันจะราคาแพงลิบลิ่วก็ยังอยากเป็นเจ้าของให้ได้

- - - หากว่าเราต้องเดินทางอีกไกล - - -

แม้จะมีรองเท้าสวยหรู ราคาแพง ยี่ห้อแบรนด์เนมมันก็คงไม่มีประโยชน์

แม้จะสวยแค่ไหนแต่ถ้ามันทำเท้าเราเจ็บ...สุดท้ายก็คงต้องถอดมันออก

เพราะถ้าขืนเราเดินทั้งเท้าเจ็บ-เจ็บ เราคงไปไม่ถึงปลายหนทาง

ค ว า ม รั ก ก็ เ ช่ น กั น

เราอาจใฝ่ฝันที่จะมีคนรักหล่อ สวย รวย เก่ง ฉลาด เลิศ หรู

..... แต่ความจริงแล้ว ....

เราเพียงต้องการคน-คนนั้นเพื่อให้ "ตัวเราดูดีขึ้นมา" เท่านั้นเอง

ฉันว่านะ....รองเท้าที่ใส่แล้วสบายไม่จำเป็นต้องสวยเด่นอะไร

เพราะฉะนั้น .....

คนที่จะมาจับจูงมือเราไปตลอดทางของชีวิตก็ไม่จำเป็น

ต้องเป็นคนที่ดีเลิศที่สุดจนใครนึกอิจฉา


แต่คงเป็น... " คนที่เค้ารักเรา ดูแลเรา ดีต่อเราเข้าใจเราไม่ทำให้เราเจ็บ

ไม่ทำให้เสียใจ ซะมากกว่า "


บางที...การใส่รองเท้าที่เดินแล้วสบายมันอาจทำให้เรามีความสุขมากกว่า

เพราะฉันเชื่อว่ามันจะพาเราไปจนถึงจุดหมาย

โดยที่เราไม่ต้องเจ็บเท้าและนึกอยากจะโยนมันทิ้งไปให้รู้แล้วรู้รอด

กินผลไม้พื้นบ้านต้านโรค



             เมืองไทยมีผลไม้พื้นบ้านราคาย่อมเยาอยู่มากมายที่ให้ประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการต่อร่างกายในปริมาณสูงอีกทั้ง ยังได้มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว ว่าสารเคมีที่อยู่ในผลไม้นั้นมีสรรพคุณเป็นยากระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ รวมถึงเสริมสร้างภูมิต้านทานได้อีกด้วย
ฝรั่ง





            ฝรั่ง ผลไม้พื้นบ้านราคาถูก และออกผลตลอดปี ทุกสายพันธุ์ล้วนเป็นสุดยอดผลไม้ที่มีวิตามินซี ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูงมาก ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคมากขึ้น จึงสามารถป้องกันการเป็นไข้หวัดได้ หรือช่วยสร้างรวมทั้งป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันที่เราเคยท่องจำกันในสมัยเด็กๆ ได้อีกด้วย
มะเฟือง




            มะเฟือง นอกเหนือจากความสวยงามแปลกตาในเรื่องรูปทรงแล้วยังให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างเต็มเปี่ยม มะเฟืองอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ ฟอสฟอรัสและแคลเซียม ช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบายแก้ท้องผูกช่วยขับเสมหะได้
ทับทิม






            ทับทิม ผลไม้รสหวานอมเปรี้ยว ออกฤทธิ์เป็นยาบำรุงกำลัง แก้เจ็บคอ แก้โลหิตจาง ห้ามเลือด รักษาแผล แก้อาการปวดกระเพาะอาหาร ขับพยาธิในลำไส้ แก้ท้องร่วง นอกจากนี้ หากดื่มน้ำทับทิมตอนเช้าวันละ 1 แก้วจะช่วยลดอาการคลื่นไส้ ในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้
มะละกอ




            มะละกอแขกดำ ผลไม้สุดร่อยที่มีประโยชน์ใช้สอยอีกมากมาย เนื้อมะละกออุดมไปด้วยวิตามินซี มีเบต้าแคโรทีน ไลโคพีน รวมถึงมีแมกนีเซียม ทองแดง โพแทสเซียมและใยอาหาร เมื่อรับประทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงให้ผิวพรรณชุ่มชื้น มีเส้นใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย ขจัดไขมันในผนังลำไส้ ช่วยให้ลำไส้สะอาดดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น
ส้มโอ





            ส้มโอ ในส้มโอมีสารเพคติน (Pectin) สูง มีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดและมีสารโมโนเทอร์ปืน ที่ช่วยในการจับสารก่อมะเร็ง นอกจากนั้นหากรับประทานส้มโอหลังมื้ออาหารจะช่วยขับลมในกระเพาะและลำไส้ช่วย ให้ระบบย่อยทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
มะขาม





            มะขาม เนื้อมะขามมีสารแอนทราควินิน (Antraquinone) ซึ่งช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ อีกทั้งยังมีกรดอินทรีย์ (Organic Acid) อยู่หลายชนิด เช่น กรดทาร์ทาร์ริก (Tartaric Acid) และกรดซิตริค (Citric Acid) มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ เพิ่มกากใยอาหาร และช่วยให้ขับถ่ายสะดวก
มะยม






            มะยม เป็นผลไม้พื้นบ้านที่ให้รสเปรี้ยวอมฝาด อุดมไปด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ และวิตามินซีสูง มีฤทธิ์ช่วยสมานแผลและใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้อาการหลอดลมอักเสบ
            การเลือกกินผลไม้ทุกชนิด นอกจากต้องกินผลไม้ที่สดสะอาดเพื่อให้ร่างกายได้รับคุณค่าสูงสุดแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่กันไปก็คือ การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสม่ำเสมอเพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องกลัวโรคภัยใดๆ มากล้ำกรายแล้ว



เปิดไฟนอนระวังสมองเสื่อม

ใครที่ชอบเปิดไฟทิ้งไว้ ระหว่างนอนหลับ รู้หรือไม่ว่า ก่อให้เกิดผลเสียต่อสมอง และทำให้ความงามลดลงอีกด้วย


               อาจฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่นั่นเป็นเพราะเรตินาในลูกตาที่มีความไวต่อแสง ยังส่งสัญญาณไปสู่สมองอยู่ จึงไม่มีการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (ที่ทำให้รู้สึกง่วง) ดังนั้น ถึงหลับก็หลับไม่สนิท จะสังเกตพบว่า เมื่อตื่นขึ้นมา จึงไม่รู้สึกสดชื่น หรือกระปรี้กระเปร่าอย่างที่ควรจะเป็น อารมณ์ไม่แจ่มใส ผิวพรรณไม่เปล่งปลั่ง ในระหว่างวันประสิทธิภาพการจัดการความจำของสมองก็ไม่ดี เนื่องจากการนอนที่ด้อยคุณภาพ

               ผลการศึกษาของนักวิจัยในต่างประเทศพบว่า การหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินยังมีผลต่อสรีรวิทยาที่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิต สภาวะสมดุลของกลูโคส รวมถึงอุณหภูมิของร่างกาย อย่างไรก็ตาม นักวิจัยคาดว่า ในอนาคตจะมีการศึกษาต่อไปถึงการปล่อยให้เด็กนอนหลับโดยเปิดไฟทิ้งไว้ จะส่งผลต่อพัฒนาการของตา โดยเสี่ยงต่อการมีสายตาสั้นหรือไม่ด้วย

               ดังนั้น การควบคุมเรื่องแสงสว่างไม่ให้มารบกวนยามหลับ รวมถึงการจัดห้องให้ปลอดโปร่งเอื้อต่อการพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ จึงสามารถป้องกัน และชะลอสภาวะการทำงานของสมองไม่ให้เสื่อมลงได้











วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

รับมืออากาศเปลี่ยนด้วยวิตามินซี

      ากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เดี๋ยวสะบัดร้อน สะบัดหนาว บางทีก็มีฝนตกไม่เลือกฤดูให้งวยงงกันเล่น ทำให้การปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับสภาวะอากาศไม่ลงตัว หลายๆ คนถึงกับไข้หวัดถามหา มีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล ทั้งจามทั้งไอ หัวมึนตื้อไปหมด เป็นที่น่ารำคาญใจตัวเองและคนข้างเคียง บ้างก็ต้องลางาน หยุดหลายวัน ขาดเรียนไป ทำให้มีปัญหาต่างๆ ตามมาเพราะใกล้ช่วงสอบไล่เต็มที


  ภญ.กรรณิการ์ เอกศักดิ์ บริษัท เฮลธ์ อิมแพคจำกัดนำเสนอวิธีการป้องกันและรักษาสุขภาพในช่วงแห่งอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสนใจ ว่า ในปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นหวัดได้ ร่างกายจะเป็นผู้สร้างภูมิต้านทานตามธรรมชาติมาทำลายเชื้อไวรัส การรักษาจึงเป็นการแก้ไขอาการ เช่น ให้ยาลดไข้แก้ปวดเมื่อไข้สูงหรือปวดหัว และให้ยาลดน้ำมูกเมื่อคัดจมูกหรือมีน้ำมูกมาก ซึ่งยาลดน้ำมูกส่วนใหญ่มีผลทำให้ง่วงซึม มึนงง ต้องระวังในผู้ที่ขับขี่ยวดยานหรือใช้เครื่องจักร
    ดังนั้น นอกจากการทานยาเพื่อลดอาการแล้ว การดูแลสุขภาพก็มีส่วนช่วยให้อาการหวัดหายเร็วขึ้น เช่น อาบน้ำอุ่น พักผ่อนให้เพียงพอ การจิบน้ำอุ่นหรือน้ำผึ้งผสมมะนาวให้ชุ่มคอ ลดการระคายเคือง ระวังเรื่องการสั่งน้ำมูก อย่าสั่งแรงๆ เพราะจะทำให้เชื้อเข้าสู่โพรงไซนัสหรือหูชั้นใน เกิดการอักเสบมากขึ้น ถ้าเด็กเล็กควรใช้ลูกยางดูดน้ำมูกเพื่อช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น ส่วนการรับประทานอาหาร ควรทานอาหารที่ย่อยง่ายและทานผลไม้ที่ให้วิตามินโดยเฉพาะวิตามินซีสูง เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย เช่น ส้ม มะเขือเทศ ฝรั่ง ก็สามารถช่วยให้หวัดหายเร็วขึ้นได้
                 วิตามินซีมีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย เป็นตัวสร้างคอลลาเจนในเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น ผิวหนัง กระดูก ฟัน เหงือกและเส้นเลือด ช่วยสมานและซ่อมแซมเนื้อเยื่อบาดแผลให้หายเร็วขึ้น รักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน และช่วยคลายเครียด แต่บางท่านก็ได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอ ดังจะสังเกตได้จากการเป็นหวัดหรือภูมิแพ้บ่อยๆ นั่นหมายความว่าภูมิต้านทานในร่างกายเราไม่สมบูรณ์พอ ผิวพรรณซูบซีด ไม่เปล่งปลั่งสดใส หรือบางท่านที่เครียดมีผลให้เป็นโรคกระเพาะ ไมเกรน เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ และสาวๆ หนุ่มๆ ที่ชอบสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ไลฟ์สไตล์เหล่านี้ก็ต้องการวิตามินซีมากกว่าคนทั่วไปเหมือนกัน

                 สำหรับปริมาณวิตามินซีที่เราควรได้รับต่อวันคือ 60 มิลลิกรัม ถ้าเทียบง่ายๆ ก็คือ ทานส้มสด 1 ผลให้วิตามินซี 20 มิลลิกรัม ก็ต้องทานให้ได้ 3 ผลต่อวัน หรือทานจากผักสด ผลไม้ต่างๆ ซึ่งแต่ละชนิดก็ให้ปริมาณวิตามินซีแตกต่างกัน ผักที่ให้วิตามินซีมากหน่อย เช่น บร็อกโคลีหรือผลไม้สดที่มีรสเปรี้ยว เช่น สับปะรด มะขาม ส่วนที่ให้วิตามินซีน้อย เช่น กล้วย ผักกาดกรอบ หรือหัวหอม
      นอกจากการทานผักผลไม้แล้ว การทานวิตามินซีเสริมในรูปเม็ดยาเม็ดก็เป็นอีกทางเลือก ในปัจจุบันก็มีวิตามินซีเสริมในรูปแบบเจลลี่เคี้ยวสนุกอร่อยเพลิน ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทำให้การเสริมวิตามินซีเป็นเรื่องสนุก และได้ประโยชน์ของคุณค่าวิตามินซีเต็มๆในรูปแบบ ซีโด้ เจลลี่กลีบส้ม 1 กลีบ ให้วิตามินซี 60 มิลลิกรัม เทียบเท่ากับทานส้ม 3 ผลนั่นเอง